การเปล่งเสียง (Articulation) คือกระบวนการควบคุมการออกเสียงพยัญชนะและสระให้ชัดเจนในขณะร้องเพลง ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นเพียง “เทคนิคด้านการพูด” หรือเป็น “การฝึกพูดเร็ว” เท่านั้น เช่น แบบฝึก “unique New York” แต่แท้จริงแล้ว articulation มีผลลึกซึ้งทั้งในด้านเทคนิคเสียง กลไกของกล่องเสียง ไปจนถึงความสามารถในการตีโน้ต และสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนักร้อง
การออกเสียงพยัญชนะบางตัว เช่น G, R, Ng อาจรบกวนการควบคุมเสียง ทำให้เปล่งเสียงสูงหรือต่ำได้ยากขึ้น หากไม่ได้ออกเสียงอย่างสมดุล
โดยเฉพาะ “R” ในภาษาอังกฤษอเมริกัน (เช่นคำว่า weird) อาจทำให้เกิดแรงตึงบริเวณโคนลิ้น ถ้าไม่ระวังจะส่งผลต่อการเปิดของช่องเสียง
เสียง “R” แบบอังกฤษมีลักษณะเป็นเสียงฮัมความถี่ต่ำ ช่วยให้กล่องเสียงสั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในช่วงที่เสียงล้าหรืออักเสบ
เสียงเหล่านี้มีประโยชน์มากในการฟื้นฟูเสียงหรือลดการใช้แรงโดยตรงที่สายเสียง
พยัญชนะเปรียบเสมือนเครื่องเคาะจังหวะของนักร้อง (drum set)
สระให้ทำนอง แต่พยัญชนะให้พลังและความเป็น “ดนตรี” ที่ฟังแล้วขยับตามได้
Co-articulation คือปรากฏการณ์ที่พยัญชนะและสระส่งผลต่อกันในกระบวนการเปล่งเสียง ซึ่งมีความสำคัญทั้งในด้านเทคนิคและการบำบัดเสียง
คำว่า un (เสียงสระ “uh”) จะวางตำแหน่งกระทบของลิ้นไว้ที่ soft palate ด้านหลัง
แต่คำว่า ging (เสียง “i”) จะดันลิ้นไปด้านหน้า กระทบที่ hard palate
✅ ประโยชน์ของ co-articulation:
ช่วยรีเซ็ตตำแหน่งลิ้นใหม่
ใช้แก้ปัญหาเสียงอั้นหรือความไม่สมดุลในลิ้นได้
ปรับโทนเสียงให้เหมาะกับเพลงหรือโน้ตเฉพาะช่วง
บางสำนักห้ามใช้ “G” ในแบบฝึกเพราะกลัวเกิดแรงดัน
แต่ Chris เสนอแนวทางใหม่:
ปรับระดับความเข้มของเสียง “G” ได้
ใช้ “G อ่อน” เพื่อความลื่นไหล (legato)
ใช้ “G แข็ง” เพื่อเน้นจังหวะและพลังเสียงในช่วงที่ต้องการไดนามิก
✅ เทคนิคเพิ่มเติม:
ยกกระพุ้งแก้ม (cheek lift) เพื่อช่วยให้เพดานอ่อนยกขึ้น
ลดแรงกดในช่องเสียงด้านหลัง ทำให้เสียง G และพยัญชนะอื่น ๆ ออกได้อย่างอิสระ
Chris อธิบายการเชื่อมโยงที่ซับซ้อนระหว่างโครงสร้างในช่องปากกับเสียงร้อง:
กล้ามเนื้อ geniohyoid เชื่อมคางกับกระดูกไฮออยด์ หากคางยื่นไปข้างหน้า จะดึงกล่องเสียงให้ตึงและเอื้อให้สายเสียงสั่นได้ชัดขึ้น
นักร้องอย่าง Liam Gallagher หรือ Robert Plant มักใช้กลไกนี้โดยธรรมชาติในการร้องเสียงสูงด้วย “เสียงบางแต่พุ่งแรง” (thinned but intense sound)
การใช้ลิ้นสูง (high tongue position) มีผลต่อทั้งกล่องเสียงและเรโซแนนซ์
ช่วยดึงกระดูกไฮออยด์ขึ้น ทำให้สายเสียงตึงขึ้นจากแรงดึงโดยอ้อม
สร้างความยืดหยุ่นและ “เสียงห่อ” ที่เหมาะสำหรับแนวเพลงร็อก เช่นเสียงแบบ Robert Plant
✅ เทคนิคสอน:
ใช้พยัญชนะ “Ng” เพื่อสร้าง “เสียงอ้างอิง” (anchor) ให้ลิ้นอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
จากนั้นค่อยฝึกออกเสียงสระต่าง ๆ รอบพยัญชนะนั้นเพื่อสร้างการเปล่งเสียงใหม่ทั้งหมด
กรณีของนักร้องแนวร็อกอย่าง Johnny Rotten หรือ Liam Gallagher:
ใช้การเปล่งเสียงที่ดิบ เฉียบคม ไม่ใช่เพื่อความชัด แต่เพื่อ “แสดงออก”
การขับเสียงพยัญชนะช่วยสร้าง “บุคลิกเสียง” (vocal persona) ที่แฟนเพลงจดจำได้แม่นยำยิ่งกว่าโน้ตหรือเทคนิค
Chris สรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า:
“นักร้องที่ใช้เสียงแบบเต็มตัว มักไม่ใช่แค่ฝึกตอนร้อง แต่พวกเขา ‘คิดแบบนั้น พูดแบบนั้น และเป็นแบบนั้น’ ทุกวินาทีของชีวิต”
นั่นหมายถึงว่า การใช้ articulation อย่างมีพลัง ไม่ได้เกิดจากการฝึกซ้อมล้วน ๆ แต่เป็นการใช้เสียงเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิก — ซึ่งยิ่งทำให้การเปล่งเสียงน่าเชื่อถือและทรงพลัง
จากทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่า การเปล่งเสียงไม่ใช่เพียงการออกเสียงให้ชัด แต่คือศาสตร์ลึกซึ้งที่ครอบคลุมถึง:
การทำงานของลิ้น โครงสร้างใบหน้า และกล่องเสียง
กลไกการสื่อสารของเสียง
การควบคุมเรโซแนนซ์เพื่อให้ได้เสียงที่มีพลังและเหมาะกับบริบทของเพลง
Articulation คือทั้งศาสตร์แห่งการควบคุม และศิลปะแห่งการสื่อสารเสียงอย่างมีเอกลักษณ์
📌 สนใจเรียนรู้เทคนิคเสียงลึกซึ้งแบบนี้กับครูผู้เชี่ยวชาญ
แอดไลน์: @rongpleng
🌐 เว็บไซต์: www.rongpleng.com
📞 โทร. 099-232-4519