แบบฝึกหัด เพิ่มพลังเสียง และข้อควรระวังในการฝึก - ร้องเพลงดอทคอม - สอนร้องเพลงสดและออนไลน์

สร้างพลังเสียง

พลังเสียง

เป็นหนึ่งในเทคนิคที่นักร้องส่วนใหญ่อยากทำได้ดี เสียงที่มีพลังนอกจากจะให้ความรู้สึกที่ ว้าว สำหรับผู้ฟังแล้ว พลังเสียงก็มีความสำคัญต่อการร้องเพลงในหลายๆสไตล์เพลงด้วย

การฝึกให้เสียงมีพลังนี้ ถ้าฝึกผิดก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เพราะว่าเสียงเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อเล็กๆ ซึ่งถ้าเราใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป หรือว่าใช้ผิดวิธี ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้เช่น เป็นตุ่มที่เส้นเสียงม มีเลือดออกที่เส้นเสียง เกิดอาการระคายเคืองที่เส้นเสียง หรือเกิดบาดแผลจนก่อให้เกิดแผลเป็นที่เส้นเสียง ซึ่งปัญหาเหล่านี้กระทบกับเสียงร้องและเทคนิคการร้องของนักร้องทำให้เกิดความลำบากในการทำงานแน่นอน  แทนที่เราจะมีเสียงที่ดีได้ยาวนาน ทำให้เสียงของเราแย่ลงอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่า ยิ่งร้องเสียงยิ่งแย่ครับ

การที่เราจะได้พลังเสียง เราจะต้องให้การทำงานระหว่างกล้ามเนื้อและลมที่ออกมาจากปอด ทำงานต้านกันอย่างพอดี ก่อให้เกิดความเข้มข้นของพลังงานเสียงที่มากขึ้น ก่อให้เกิดเสียงที่ดัง กังวาล แต่ออกแรงน้อยกว่าที่ควรจะเป็น 

การตะเบงหรือการตะโกน เป็นการผลิตเสียงสูงที่ใช้กล้ามเนื้อที่เรียกว่า TA มากเกินกว่าที่ควร ทำให้เส้นเสียงหนาขึ้นและกระทบกันอย่างแรง นอกจากนั้นกล้ามเนื้อรอบๆคอก็อาจจะบีบเกร็ง กล่องเสียงเคลื่อนที่สูงขึ้น ผู้ร้องก็จะรู้สึกไม่สบายร่างกาย ไม่สบายคอเป็นอย่างมาก อาจจะเกิดอาการระคายในคอเกิดขึ้นด้วย

เสียงหลบแบบบางๆ หรือ Falsetto จะมีการใช้ TA น้อยกว่ามาก เส้นเสียงก็จะบางและแตะกันซ้ายขวาอย่างเบาๆ อาการเกร็งก็จะไม่เกิดขึ้น เสียงที่ออกมาก็จะไม่มีพลัง

เสียง Mix คือเสียงที่การทำงานร่วมกันของ TA และ CT เป็นไปอย่างพอดี (พูดง่ายทางทฤษฎี แต่การหา Sensation จริงๆเวลาต้องร้อง ต้องใช้การฝึกฝนเป็นอย่างมาก)  เสียง Mix ที่ให้เสียงค่อนไปทางบาง ก็จะใช้ CT มากกว่า เสียง Mix ที่ค่อนค้างหนาและมีพลังที่จะใช้ CT น้อยกว่าแต่จะเพิ่มการทำงานของ TA เข้ามาแทน

การฝึกให้มีพลังเสียงคือการเพิ่มการทำงานของ TA อย่างพอดี แต่ไม่มากไปถึงขั้นตะโกน หลังจากนั้นต้องให้เสียงเสียงแนบกันซ้ายขวานานมากขึ้นเพื่อสร้างแรงต้านที่กระทำต่อลมที่ขึ้นมาจากปอดของเรา เมื่อเส้นเสียงหนาขึ้นและแตะกันนานขึ้น เราจะต้องใช้แรงมากขึ้นในการทำให้เสียงเสียงเปิดและปิด ซึ่งความรู้สึกระหว่างร้องแบบนี้ จึงเรียกว่า Support นั่นเอง

เมื่อเราสร้างแรงต้านที่เหมาะสมและมากพอจนก่อให้เกิด Support แล้ว จะทำให้เส้นเสียง Vibrate อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดคลื่นเสียงที่มีพลัง มีความสว่าง มีความก้องกังวาล

ถ้าต้องการฝึกด้วยตัวเอง ครูฟิล์มแนะนำว่า ต้องระวังเรื่องต่อไปนี้

  1. แบบฝึกหัดไหนที่ทำให้เจ็บคอ ให้หยุดพักทันที มันอาจจะหมายความว่าฝึกผิด หรือฝึกมากจนเกินพอดี
  2. ไม่ควรฝึกเสียงที่สูงมากเกินไป เพราะมีโอกาสผิดพลาดและทำให้บาดเจ็บได้ง่าย
  3. ถ้ารู้สึกไม่สบายที่คอ หรือเวียนหัว หายใจไม่ทัน จะพัก หรือทำแบบฝึกหัดให้เบาลง หรือเปลี่ยนแบบฝึกหัดไปเลย
  4. ถ้าเสียงยังไม่สมดุล ยังหา Balance ไม่ได้ อย่าเพิ่งฝึกพลังเสียง เพราะพลังเสียงจะเกิดขึ้นได้หลังจากเสียงเกิดสมดุลแล้ว

การใช้ Pharyngeal Voice มาช่วยสร้างพลังเสียง

Pharyngeal Voice หรืออีกอย่างนึงเรียกว่าเสียง Twang นั่น คือการสร้างลักษณะของเสียงที่มีความสว่างมากขึ้น บางคนก็คิดว่ามันมีความเป็นเป็ดมากขึ้น โดยการทำให้คอหอย (Pharynx) ของเราแคบ ลง  ทำให้เกิด Acoustic Energy มากขึ้นบริเวณนั้น ก่อนที่จะมาก้องสะท้อนมากขึ้นบริเวณปากของเรา ทำให้เสียงดังขึ้น ดูมีพลังมากขึ้น  ข้อดีของ Pharyngeal Voice คือทำให้ได้เสียงที่ดังมากขึ้น สว่างมากขึ้น แต่ถ้าทำมากไปก็จะทำให้เสียงมีความสว่างมากเกินไปจนบางครั้งฟังดูเป็นเป็ดหรือฟังดูเป็นการ์ตูน เพราะฉะนั้นแล้วควรฝึกอย่างพอดีเพื่อที่จะหาสมดุลของเสียงโดยที่ไม่ทำให้เสียงฟังดูตลกจนเกินไป บางคนอาจจะเคยได้ยินเสียงที่เรียกว่าเสียงร้องไห้ เสียงเด็ก เสียงแม่มด เวลาทำแบบฝึกหัดซึ่งนั่นก็เป็นเสียง Pharyngeal Voice เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาฝึกเสียง Pharyngeal Voice กัน โดยใช้หลักกากของ Pharyngeal Voice ร่วมกับหลักการของ Megaohone หรือ ทรโข่ง คือ คอแคบเล็กน้อย และปากกว้างมากขึ้น รายการฝึกแบบนี้ต้องระวังมากๆเพราะว่าถ้าทำมากเกินไป หนักไป ผิดไป เราก็จะกลายเป็นตะเบงซึ่งก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้

วันนี้เราจะใช้แบบฝึกหัดที่เรียกว่า 1R NAY กัน ก่อนจะเข้าแบบฝึกหัด อยากให้ทุกคนทำเสียงแบนๆเป็ดๆ กันให้ได้เสียงก่อน ทำให้ได้โดยไม่เจ็บคอ ถึงค่อยมาทำแบบฝึกหัดนะครับ

แบบฝึกหัด NAY 

ผู้ชาย 

https://www.youtube.com/watch?v=PL_iy2ocRIc

ผู้หญิง

https://www.youtube.com/watch?v=Di3tici1YQM

หลังจากทำแล้วก็ดูตัวเองดีๆอย่าให้เกิดอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น ถ้ารู้สึกบาดเจ็บหรือไม่สบายพอให้หยุดพักทันที เสียงสูงด้านบนควรจะรู้สึกสบาย ออกแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มีความกังวาลและความดัง ผู้ร้องต้องไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่ควรรู้สึกว่าลมจะหมดอย่างรวดเร็ว สามารถร้องและรักษาความยาวของโน๊ตในระยะเวลาที่นานได้ ถ้ารู้สึกว่าจะเป็นลมแสดงว่ากำลังฝึกผิดนะครับ

สำหรับใครที่งงและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นฝึกพลังเสียงอย่างไร อย่าลืมว่าทางร้องเพลงดอทคอมก็ยังมีทีมครูที่พร้อมที่จะส่งต่อเทคนิคดีๆและช่วยฝึกเสียงของทุกคนอยู่นะครับ สามารถติดต่อเข้ามาด้วยขอรายละเอียดได้จากแอดมินเลยครับ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ @rongpleng (มี @ ด้วย) หรือโทรสายตรงหาเราที่ 099-2324519 ครับ